แบบบ้านระบายความร้อนได้ดี
แบบบ้านระบายความร้อนได้ดี หลายคนกลัวค่าไฟพุ่งจึงมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน แต่รู้ไหมคะว่าความจริงแล้ว เราสามารถลดการใช้ไฟ และลดการใช้เงินลงได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เริ่มออกแบบบ้าน เพราะไม่ว่าจะโครงสร้าง หลังคา หน้าต่าง หรือทิศทาง ต่างก็มีผลต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว สำหรับตอนนี้ใครที่แผนจะสร้างบ้าน ปรับปรุงบ้านใหม่ หรืออยากทำให้บ้านเย็นสบายตลอดทั้งปี ไม่ร้อน น่าอยู่ และร่มรื่นแล้วะก็ตามดูวิธีออกแบบบ้านประหยัดพลังงานกัน ทั้งการตกแต่งภายใน วางทิศทางของบ้านให้สอดรับกับทิศทางลม รวมไปถึงการจัดพื้นที่สีเขียว
หลังคาและฝ้าเพดาน
- 1. เลือกใช้กระเบื้องหลังคาที่ช่วยสะท้อนหรือป้องกันความร้อน
- 2. มุงหลังคาให้ชันเป็นมุม 45 องศา เพื่อช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนลงฝ้าเพดาน
- 3. บุฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา
- 4. ใช้ฝ้าที่มีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี
- 5. ทำช่องระบายอากาศที่หน้าจั่วหลังคา เพื่อช่วยระบายอากาศจากใต้หลังคาและในบ้าน
- 6. ยกระดับฝ้าเพดาน เพื่อดันความร้อนให้ระบายออกทางช่องระบายอากาศหรือช่องเปิดใต้หลังคา
ผนัง
- 1. ใช้วัสดุกันความร้อน เช่น ฉนวนกันความร้อนสำหรับผนัง
- 2. ผนังในบ้านเลือกที่มีมวลน้อยและสีอ่อน
- 3. ผนังนอกบ้านเลือกที่ผิวมัน สีอ่อน และมีค่าจุความร้อนต่ำ
หน้าต่าง
- 1. ทำช่องแสงบนหน้าต่างให้กับตัวบ้านชั้นล่าง เพื่อช่วยให้บ้านได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติตลอดทั้งวัน
- 2. หน้าต่างควรสูงจากพื้น 4 เมตร หรือตรงกับความสูงของเก้าอี้/เตียงนอน เพื่อช่วยให้ลมพัดผ่านตัวคน
- 3. เลือกใช้กระจกกันความร้อน เพื่อช่วยให้บ้านเย็นลงโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
ทิศทางของบ้าน
ทิศเหนือกับทิศใต้
1. เหมาะจะเป็นทิศหน้าบ้านหรือหลังบ้าน เพราะลมพัดผ่านตลอด โดยคนไทยจะนิยมหันหน้าไปทางทิศใต้มากที่สุด เพราะลมโกรกตลอดปี เมื่อเปิดประตูและหน้าต่างก็จะทำให้ถ่ายเทอากาศในบ้านดีขึ้น ช่วยให้บ้านเย็นสบายแม้ช่วงหน้าร้อน
2. ในส่วนของหน้าต่างติดกันสาด หรือทำชายคาให้ยาวเกินออกมา เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดด แต่ภายในบ้านยังคงสว่างตลอดทั้งวัน แบบบ้านสองชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร
ทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก
1. เหมาะจะเป็นพื้นที่ในวางการแปลนห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องที่มีความชื้นและความเย็น ก็ช่วยลดอุณหภูมิของบ้านจากความความร้อนของแสงแดดได้อีกทางหนึ่ง
2. หลีกเลี่ยงการทำช่องเปิด เพื่อลดการรับลมร้อนและรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ แต่หากมีของเดิมอยู่แล้ว การติดสาดเพิ่ม ก็จะช่วยลดอุณหภูมิได้
3. ควรทำบังเงาให้กับผนังทึบที่อยู่ทางสองทิศนี้ เช่น ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา
พื้นที่สีเขียว
1. ปลูกต้นไม้ให้ได้ประมาณ 20% ของพื้นที่ เพื่อช่วยกรองมลพิษ ทำให้อากาศสดชื่น แต่ต้องระวังอย่าปลูกบังทิศทางลมเข้าบ้าน เช่น ไม้ยืนต้นให้ร่มเงา ไม้เลื้อย และไม้ฟอกอากาศ
2. ปลูกหญ้าที่ลานว่างรอบบ้าน เพื่อช่วยเก็บความชื้นและลดการสะท้อนแสง
พื้นที่อเนกประสงค์
ออกแบบบ้านให้มีพื้นที่กึ่งเปิด หรือพื้นที่ที่ลมพัดผ่านได้ดี เช่น ระเบียงบ้าน ใต้ถุนบ้าน เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัวแบบไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
1. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นและวางชิดติดผนังบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ขวางทิศทางลม
2. เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ใช้งานได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย รวมถึงประหยัดเงินและประหยัดไฟด้วย โดยสังเกตง่าย ๆ จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และฟังก์ชั่นหรือเทคโนโลยีภายในเครื่องอย่างระบบ Inverter รวมถึงกำลังไฟก็จะช่วยประหยัดไฟได้อีกทาง บ้านจัดสรร ศรีราชา ปี 2567
มาถึงตอนนี้คงเห็นแล้วว่า จริง ๆ การสร้างบ้านให้ประหยัดเงินและประหยัดพลังงานไม่ใช่เรื่องยากเลย ฉะนั้นใครอยากได้บ้านที่รักษ์โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมละก็ อย่าลืมนำเคล็ดลับออกแบบบ้านเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ
หลักการง่ายๆของช่องระบายลม คือ อากาศที่ร้อนจะลอยตัวขึ้น ไหลออกทางช่องเป็นที่ออกแบบไว้ และอากาศเย็นภายนอกก็จะพัดไหลเข้ามาแทน
ปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับการสร้างที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ก็คือ ทำอย่างไรถึงจะลดความร้อนในบ้าน สร้างภาวะอยู่สบายให้คนที่อาศัยอยู่ เพราะเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับแสงแดดอย่างใกล้ชิดเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน ยิ่งทำให้บิลค่าไฟในเดือนเมษาทำยอดสูงทะลุเพดาน สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าและเงินในกระเป๋า จะดีกว่าไหม? ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาความร้อนในบ้านนี้ด้วยวิธีที่อนุรักษ์พลังงานประหยัดไฟฟ้า และเซฟเงินได้มากกว่า โดยการสร้างทางระบายความร้อนภายในบ้านโดยใช้ลมธรรมชาติ ผ่านช่องระบายลม
การไหลของลมตามธรรมชาติ
ความจำเป็นของช่องระบายลมอาจไม่ใช่ของที่ต้องมีในบ้านทุกหลัง แต่เราก็อยากจะแนะนำว่าถ้ามีโอกาสก็ควรจะออกแบบลงไปในอาคารเขตร้อนชื้นอย่างเราครับ การสร้างช่องระบายลมใต้หลังคาควรต้องทำตั้งแต่ขั้นตอนของการเขียนแบบบ้าน จุดประสงค์หลักของดีเทลส่วนนี้ก็คือ สร้างช่องทางระบายอุณหภูมิความร้อนที่สะสมอยู่ใต้หลังคาและมวลอากาศร้อนในบ้านที่จะลอยตัวขึ้นสูงตามธรรมชาติ เปิดพื้นที่ใต้หลังคาให้ลมธรรมชาติจากภายนอกไหลเวียนเข้ามาเอาความร้อนสะสมในบ้านออกไป
ควรเลือกวางตำแหน่งช่องระบายลมควรวางไว้ส่วนบนสุดของอาคาร เปิดให้มีจุดลมเข้า-ลมออกทั้ง 2 ด้านถึงกันโดยง่าย อยู่ในทิศที่ลมพัดผ่านตลอด ยื่นชายหลังคาออกไปซัก 1-1.5 เมตร สำหรับแสงแดดอย่างประเทศไทย ป้องกันฝนสาดผ่านช่องลมเข้ามาในบ้าน ติดตะแกรงป้องกันแมลง นก หนู เข้ามาขออาศัย
Dtip: การทำช่องระบายลมใช้ได้กับทั้งหลังคาแบบปกติและหลังคาแบบ 2 ชั้น ขนาดของช่องเปิดก็มีส่วนสำคัญในการรับลมเช่นกัน ถ้าช่องที่ลมเข้ามีขนาดเล็ก ลมออกมีขนาดใหญ่ บ้านก็จะรับลมได้มาก และในทางกลับกัน หากช่องที่ลมเข้ามีขนาดใหญ่ แต่ช่องที่ลมออกมีขนาดเล็ก ลมที่พัดพาเข้าบ้านก็จะน้อยตามไปด้วย
ระบายลมแบบภูมิปัญญาไทย
ความจริงแล้วช่องระบายลมไม่ได้มีแค่ส่วนพื้นที่ใต้หลังคาเท่านั้นนะครับ เพราะเราสามารถเปิดช่องทางให้อากาศไหลเวียนเข้ามาตามองค์ประกอบอื่นๆในบ้านได้อย่างกลมกลืน เป็นลักษณะโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่คนไทยออกแบบผูกพันมาตั้งแต่ช้านาน เมื่อถึงยุคที่เราเปิดรับสไตล์วัฒนธรรมจากต่างแดนก็ทำให้ภูมิปัญหาเหล่านี้ถูกหลงลืมจากอาคารกันไปบ้าง งั้นเราลองกลับมาทำความรู้จักรายละเอียดการออกแบบสไตล์ไทยกันอีกซักครั้งนะครับ
1. ช่องระบายลมใต้หลังคา หรือ ส่วนหน้าบัน : ช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ใต้หลังคา เปิดช่องระบายให้มวลอากาศเย็นหมุนเวียนพัดพาความร้อนที่ขึ้นมาสะสมอยู่บนฝ้าภายใน ลอยตัวออกไปจากตัวบ้าน ทำให้อุณหภูมิบ้านเย็นขึ้นตาม
2. ช่องลมเหนือประตูและหน้าต่าง : สำหรับบ้านที่มีฝ้าเพดานสูงๆ การทำช่องลมเหนือประตูและหน้าต่างจะช่วยระบายอากาศได้แม้บานพับจะปิดอยู่ ปิดมุมมองจากหน้าต่างแต่ลมก็ยังพัดได้ ออกแบบระแนงไม้เป็นลวดลายที่งดงาม ทำให้บ้านดูโปร่ง ลมระบายได้ทั่วถึง ควรติดมุ้งลวดไว้ที่ด้านหลังระแนงช่องลมเพื่อกันยุงและแมลงบินเข้าบ้าน เป็นการออกแบบที่สร้างสวยงามและประโยชน์ใช้สอย สวยงามรวมกันไว้ได้อย่างดี
3. ช่องลมที่ผนัง : สำหรับพื้นที่ที่ต้องการหลบสายตา แต่ยังต้องการตัวช่วยในเรื่องการหมุนเวียนของอากาศตามมุมต่างๆในบ้าน อยากให้ลองประยุกต์ช่องลมมาใช้ที่ผนังแทนหน้าต่างเปิดบานกว้าง ช่วยให้ลมพัดไหลเวียนระหว่างห้องต่างๆได้ทั่วถึงโดยไม่ต้องเปิดเผยมุมมองภายในบ้านของตัวเอง
4. ลูกฟักไม้บานเกร็ด : ห้องไหนที่ไม่ต้องการเปิดรับแสงแบบเต็มๆ แต่ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ให้ลองใช้หน้าต่างบานเปิดแบบที่มีลูกฟักเป็นเกล็ดไม้ ที่มีช่องให้ลมไหลผ่านบานเกร็ดได้แม้จะปิดหน้าต่างไปแล้ว นอกจากนี้บานเกร็ดหน้าต่างยังมีประโยชน์ช่วยบดบังทั้งแสงแดดและน้ำฝนไม่ให้ไหลซึมเข้าบ้านโดยตรง
5. ฝ้าเพดานฉลุ/ระแนงไม้ : แทนที่จะใช้ฝ้าเพดานแบบปิดทึบตามปกติ ลองเปลี่ยนมาเป็นแบบลายฉลุ ลูกกรงโปร่ง การเว้นร่องให้ลมผ่านได้ อากาศร้อนจากในห้องก็จะลอยขึ้นไปใต้หลังคา โดนลมธรรมชาติจากช่องเปิดหน้าบันพัดพาออกไป บ้านของเราก็จะเย็นเร็วขึ้นอีกเท่าตัว
6. ช่องแมวลอด : ช่วยระบายความร้อนที่ส่งตรงมาจากพื้นดิน อาศัยช่องว่างของพื้นต่างระดับให้อากาศไหลเข้ามาหมุนเวียนอยู่ในบ้าน เรื่องที่ควรเป็นห่วง คือ การป้องกันหนู งู และสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งสามารถใช้ตะแกรงลวดติดป้องกันเหมือนส่วนหน้าบัน
จากเดิมที่เราต้องพึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วยขับไล่ความร้อนสะสมรวมกันแบบไร้ทางออกอยู่ภายในบ้าน เราสามารถสร้างช่องว่างและทางระบายอากาศ เรียนรู้การใช้ประโยชน์จากทิศทางลมพัดในธรรมชาติ ให้ลมช่วยพัดพาความร้อนออกไป เปิดรับลมเย็นๆจากภายนอกเข้ามาแทนที่ แค่นี้เราก็จะได้บรรยากาศบ้านเย็นสบายโดยไม่ต้องง้อเครื่องปรับอากาศตลอดเวลาแล้วละครับ
More Stories
บ้านจัดสรร ศรีราชา ปี 2567
5 รีสอร์ทเขาใหญ่
บ้านจัดสรร เชียงใหม่